เมนู

อวิญญัตติ ทุสสีลยันตติกถา



[1430] สกวาที อวิญญัตติเป็นความทุศีล หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นปาณาติบาต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นอทินนาทาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นกาเมสุมิจฉาจาร หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นมุสาวาท หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นสุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลสมาทานบาปกรรมแล้วให้ทานอยู่ บุญและบาป
ทั้งสองอย่าง เจริญได้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุญและบาปทั้งสองอย่างเจริญได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นการประชุมกันแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ แห่งจิต
2 อย่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นการประชุมกันแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ แห่งจิต

2 อย่าง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่
เลวและประณีต ที่ดำและขาว ซึ่งเป็นข้าศึกกัน มาพบกันหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่
เลวและประณีต ที่ดำและขาว ซึ่งเป็นข้าศึกกัน มาพบกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
4 ประการนี้ ไกลกัน ไกลกันนัก 4 ประการ เป็นไฉน ท้องฟ้าและแผ่นดิน
นี้ประการแรก ซึ่งไกลกันไกลกันนัก ฯลฯ เพราะฉะนั้นธรรมของสัตบุรุษ
จึงไกลจากอสัตบุรุษ
ดังนี้ เป็นสูตรมีจริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า ธรรมที่เป็นกุศลและ
อกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต ที่ดำและขาว ซึ่งเป็นข้าศึก
กัน มาพบกันได้
ส. เมื่อบุคคลสมาทานบาปกรรมแล้ว ถวายจีวรอยู่ ถวาย
บิณฑบาตอยู่ ถวายเสนาสนะอยู่ ถวายคิลานปัจจยเภสัชชบริขารอยู่
กราบไหว้แก่ผู้ที่ควรกราบไหว้อยู่ ต้อนรับผู้ที่ควรต้อนรับอยู่ กระทำ
อัญชลีกรรมแก่ผู้ที่ควรอัญชลีกรรมอยู่ กระทำสามีจิกรรมแก่ที่ควร
สามีจิกรรมอยู่ ให้อาสนะแก่ผู้ที่ควรให้อาสนะอยู่ ให้ทางแก่ผู้ที่ควรให้ทาง
อยู่ บุญและบาปทั้ง 2 อย่าง เจริญได้หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. และบาปทั้ง 2 อย่าง เจริญได้หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นการประชุมกันแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ แห่งจิต
2 อย่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นการประชุมกันแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ แห่งจิต
2 อย่าง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่
เลวและประณีต ที่ดำและขาว ซึ่งเป็นข้าศึกกัน มาพบกันได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่
เลวและประณีต ที่ดำและขาว อันเป็นข้าศึกกัน มาพบกันได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย 4
ประการนี้ ไกลกัน ไกลกันนัก 4 ประการ เป็นไฉน ท้องฟ้าและแผ่นดิน
นี้ประการแรก ซึ่งไกลกัน ไกลกันนัก ฯลฯ เพราะฉะนั้นธรรมของสัตบุรุษ
จึงไกลจากอสัตบุรุษ
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า ธรรมที่เป็นกุศลและ
อกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต ที่ดำและขาว อันเป็นข้าศึก

กัน มาพบกันได้
[1431] ป. ไม่พึงกล่าวว่าอวิญญัตติ เป็นความทุศีล หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลเป็นผู้สมาทานบาปธรรมไว้แล้วมิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า บุคคลเป็นผู้สมาทานบาปกรรมไว้แล้ว ด้วย
เหตุนั้นนะท่าน จึงต้องกล่าวว่า อวิญญัตติ เป็นความทุศีล ดังนี้
อวิญญัตติ ทุสสีลยันติกถา จบ

อรรถกถาอวิญญัตติ ทุสสีลยันติกถา



ว่าด้วย อวิญญัตติเป็นความทุศีล



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องอวิญญัตติ คือการไม่แสดงกายวาจาให้รู้ ว่าเป็น
ความทุศีล. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นดุจลัทธิของนิกายมหาสังฆิกะ
ทั้งหลายว่า อวิญญัตติเป็นการทุศีล เพราะหมายเอาการสั่งสมสิ่งที่มิใช่
บุญอันไม่ประกอบด้วยจิต และหมายเอาความสมบูรณ์ขององค์ข้อบังคับ
ในปาณาติบาตเป็นต้น ดังนี้ คำถามของสกวาที หลายชนเหล่านั้น คำ
ตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า เป็น
ปาณาติบาต
เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า ถ้าว่าอวิญญัตตินั้นพึงเป็นการ
ทุศีลอย่างไรอย่างหนึ่งในปาณาติบาตเป็นต้นไซร้ ดังนี้. คำว่า บุคคล
สมาทานบาปกรรม
อธิบายว่า ทำสมาทานบาปอย่างนี้ว่า เราจักฆ่า